หน้าหลัก > บล็อก > สาย LAN แบบไหนที่จะเหมาะกับอุปกรณ์ของคุณ

สาย LAN แบบไหนที่จะเหมาะกับอุปกรณ์ของคุณ

โดย thanaporn.nuchphadung

สาย LAN แบบไหนที่จะเหมาะกับอุปกรณ์ของคุณ

สาย LAN เป็นสายนำสัญญาณชนิดหนึ่ง สาย LAN นั้นมีมากมายหลายประเภท วันนี้เราจะมาดูกันว่าสาย LAN แบบไหนที่จะเหมาะกับอุปกรณ์ของคุณมากที่สุด

 

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับสาย LAN กันก่อน

สาย LAN หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการว่า สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) เป็นสายนำสัญญาณชนิดหนึ่ง ที่มีตัวนำสัญญาณเป็นทองแดงบิดตีเกลียวกันเป็นคู่ (Twisted Pairs) โดยทั่วไปใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในการรับ-ส่งข้อมูล หรือเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายกลาง เช่น Network Switch, Hub, รวมไปถึง Router ก็ได้เช่นกัน ในส่วนของหัวที่ใช้เชื่อมต่อสาย LAN นั้น เราเรียกว่า RJ45 

สาย LAN สามารถแบ่งตาม Bandwidth ที่รองรับได้ออกเป็น Category ดังนี้

Category

Speed

Bandwidth

Cat5

10/100 Mbps

100 MHz

Cat 5e

1000 Mbps

100 MHz

Cat 6

1000 Mbps

250 MHz

Cat 6a

10 Gbps

500 MHz

Cat 7

10 Gbps

600 MHz

Cat 8

25/40 Gbps

2000 MHz

 

สาย Lan มีกี่เส้น กี่สี?

มีทั้งหมด 8 เส้น 4 คู่ มีสีดังต่อไปนี้ ขาวส้ม ส้ม ขาวเขียว เขียว ขาวฟ้า ฟ้า ข้าวน้ำตาล น้ำตาล

การเรียงลำดับสีในการเข้าหัวอย่างไร ?

โดยเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา ดังนี้ ขาวส้ม ส้ม ขาวเขียว ฟ้า ขาวฟ้า เขียว ขาวน้ำตาล น้ำตาล

การเลือกสายนำมาใช้งาน

จาก Category(CAT) เราจะเห็นได้ว่ามีสาย LAN หลากหลายแบบให้เลือกมากมาย ดังนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรนำสายใดมาใช้งานกับอุปกรณ์ของเรา

ในขั้นแรกเราจะต้องรู้ว่าอุปกรณ์ของเรานั้นแต่ละ Port การเชื่อมต่อรองรับ Bandwidth หรือ Speed ได้เท่าไหร่ โดยมีวิธีการ

ดู Specs ได้ตามภาพตัวอย่างด้านล่าง  ตัวอักษรสีแดงตรงคำว่า
28-Port Gigabit และ 8-Port 10/100Mbps

 

 

 

TL-SG3428MP
JetStream 28-Port Gigabit L2 Managed Switch with 24-Port PoE+

TL-SL1311MP
8-Port 10/100Mbps + 3-Port Gigabit Desktop Switch with 8-Port PoE+

เราจะเห็นได้ว่าบางครั้งบน Specs อุปกรณ์ก็เขียนว่า Gigabit หรือ 10/100/1000Mbps เราจะสามารถรู้ได้อย่างไรว่าข้อความที่แสดงนั้นหมายความว่า

อย่างไร วันนี้แอดมินจะมาอธิบายคราวๆ ดังนี้

100/1000/2.5G/10G (Gigabit Port/Ethernet) หมายความว่า Port นี้สามารถรองรับสาย LAN และ Port ปลายทางความเร็วต่ำสุดที่ 100Mbps,1000Mbps, 2500Mbps สูงสุดที่ 10000Mbps (ยังคงเรียก Gigabit Port เนื่องจากยังคงอยู่ในช่วงหน่วยวัดสูงสุดคือ Gigabit(Gbit) ยังไม่ถึง Tarabit(Tbit)

10/100/1000Mbps (Gigabit Port/Ethernet) หมายความว่า Port นี้สามารถรองรับสาย LAN และ Port ปลายทางความเร็วต่ำสุดที่ 10Mbps, 100Mbps สูงสุดที่ 1000Mbps

10/100Mbps (Fast Port/Ethernet) หมายความว่า Port นี้สามารถรองรับสาย LAN และ Port ปลายทางความเร็วต่ำสุดที่ 10Mbps สูงสุดที่ 100Mbps

โดยอุปกรณ์จะเลือกเชื่อมต่อที่ความเร็วช่วงใดช่วงนึงเท่านั้น แต่ปกติแล้วอุปกรณ์จะเลือกความเร็วสูงสุดของแต่ละอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ

เช่น Switch รุ่นเก่ามี Port ที่มีความเร็วเป็น 10/100 Mbps (Fast Port) และคุณได้ซื้อ Switch ใหม่ซึ่ง Port มีความเร็วเป็น 10/100/1000 Mbps (Gigabit Port)

 

 

ข้อควรรู้!

อุปกรณ์จะทำการตรวจสอบและเลือกใช้ความเร็วที่ทั้ง 2 ฝั่งสามารถส่งข้อมูลได้ซึ่งก็คือความเร็วสูงสุดที่ 100 Mbps

** 1000 Mbit = 1 Gbit **

 

 

เราก็จะเห็นแล้วว่าสาย LAN แบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานกับอุปกรณ์ของคุณมากที่สุด เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานของระบบเครือข่ายของคุณที่ดีที่สุด

 

เราจึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในการใช้งาน

ยกตัวอย่างรุ่น

TL-SG3428MP
JetStream 28-Port Gigabit L2 Managed Switch with 24-Port PoE+
จะเห็นได้ว่าสวิตซ์รุ่นด้านบนเป็นพอร์ต Gigabit เมื่อไปตรวจสอบแล้วว่าพอร์ตนี้รองรับสาย LAN/Port ปลายทางต่ำสุดที่ 10Mbps , 100Mbps และสูงสุดที่ 1000 Mbps
 

จะพบว่าเหมาะสมกับการใช้งานร่วมกับสาย LAN Cat5e และ Cat 6

 

Category

Speed

Bandwidth

Cat5

10/100 Mbps

100 MHz

Cate5e

1000 Mbps

100 MHz

Cat 6

1000 Mbps

250 MHz

Cat 6a

10 Gbps

500 MHz

Cat 7

10 Gbps

600 MHz

Cat 8

25/40 Gbps

2000 MHz

 

ใช้สาย LAN กับ WiFi ต่างกันอย่างไร

หากพิจารณาถึงความสะดวกสบายแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า WiFi สะดวกกว่าการใช้งานแบบสาย LAN แน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น การใช้งานแบบมีสาย (อีเทอร์เน็ต) ก็ยังมีข้อดีอีกมากมาย

ความเร็วอินเตอร์เน็ตเร็วกว่า – หากคุณใช้งานคอมพิวเตอร์แล้วลองทดสอบสปีดเทสระหว่าง สาย LAN และ WiFi จะค้นพบเลยว่า การเชื่อมต่อแบบมีสายจะให้ความเร็วที่เร็วกว่าอย่างน่าประทับใจเมื่อใช้งานร่วมกับสาย LAN Cat 6

ไม่เพียงแต่ความเร็วเท่านั้นที่คุณจะได้รับ สัญญาณที่นิ่งและคงที่ เพิ่มความน่าเชื่อถือในการเชื่อมต่อ หลายครั้งที่คุณใช้งาน WiFi จะพบสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้า กำแพงที่หนาหลายชั้น หรือหลายปัจจัยมากมาย เราอาจพบสัญญาณที่ขาดหายบ้างซึ่งอาจจะทำให้ไม่พอใจได้หากอินเตอร์เน็ตสะดุดขณะเล่นเกมส์ออนไลน์ หรือกำลังประชุมอยู่
 

เมื่อไหร่ที่สามารถใช้สาย LAN

จงจำไว้ว่าการเลือกใช้งานแบบมีสายจะต้องมีการ ‘เดินสาย’ และในบางครั้งคุณอาจจะไม่สะดวกที่จะเดินสายเคเบิ้ลไปรอบบ้าน นอกจากจะลำบากแล้วยังไม่สวยงามอีกด้วย

ในทางกลับกัน การเดินสายสำหรับคอมพิวเตอร์แค่ 1 ตัว อาจจะไม่ลำบากอะไรนัก และกับการสตรีมที่มีคุณภาพดีกว่า และอินเตอร์เน็ตที่เร็วกว่า

อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ว่าเจ้าของบ้านต้องการแบบไหน ที่จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณและครอบครัวที่สุด

 

อุปกรณ์ใดบ้างที่ใช้งานสาย LAN

Hub
ฮัปคืออุปกรณ์ที่ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายเดียวผ่านสาย LAN ทำงานเป็นจุดเชื่อมต่อ ทำหน้าที่เพียงส่งผ่านการรับ-ส่งข้อมูลที่ไดรับไปยังคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อ การรับ-ส่งข้อมูลเช่น คุณมีเราเตอร์หนึ่งตัวที่มีพอร์ตด้านหลังเพียงแค่ 4 ตัว แต่คุณมีคอมพิวเตอร์ 6 เครื่อง และต้องการต่ออินเตอร์เน็ตผ่านสาย LAN ทั้ง 6 เครื่อง คุณจำเป็นจะต้องมีจุดเชื่อมต่อเพิ่มหรือก็คือฮับ

 Network Switch
Network Switch คือ อุปกรณ์ที่เชื่อมอุปกรณ์ network เข้าด้วยกัน โดยใช้สายแลนต่อเข้ากับ Port ของแต่ละอุปกรณ์ และยังสามารถจัดการการเชื่อมต่อระหว่าง network ได้

อ่านดูแล้วสองสิ่งนี้ดูจะคล้ายกันมาก แล้วมันต่างกันอย่างไร?

  • การทำงานของ Switch จะส่งข้อมูลออกไปเฉพาะ Port ที่ใช้ในการติดต่อกับเครื่องปลายทางเท่านั้น ไม่ส่งกระจายข้อมูลไปยังทุก Port เหมือนอย่าง Hub ทำให้ใน Switch ไม่มีปัญหาการชนกันของข้อมูล
  • โหมดการส่งข้อมูลของ Hub เป็นแบบ Half-Duplex ในขณะที่ Switch เป็นแบบ Full-Duplex
  • Hub ไม่ใช้ซอฟต์แวร์ ในขณะที่ Switch มีซอฟต์แวร์และสามารถอัพเดทได้
  • Hub จะทำหน้าที่เป็นตัวขยายข้อมูลเท่านั้น ในขณะที่ Switch จะสามารถทำหน้าซับซ้อนมากกว่านั้นSwitch บางประเภท มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยบริหารจัดการได้บนอุปกรณ์ เช่น การจัดการด้าน VLAN (Virtual LAN)
  • ราคา Hub จะถูกกว่า Switch

 

Router/Modem
อุปกรณ์ต้นทางทำหน้าแปลงสัญญาณจากผู้ให้บริการผ่านพอร์ต WAN มาเพื่อใช้งาน หรือส่งออกสัญญาณไปยังอุปกรณ์ปลายทาง เช่น คอมพิวเตอร์ , โทรศัพท์ (พอร์ต LAN)

Access Point
ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อสัญญาณ คือรับสัญญาณมาจากเราเตอร์หรือโมเด็ม แล้วจากนั้นจึงกระจายสัญญาณไปยังพื้นที่ที่อินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง
เรียกได้ว่า Access Point และ Router แตกต่างกันตรงที่ Router ส่วนใหญ่จะทำหน้าเป็น Access Point ได้ แต่ Access Point จะไม่สามารถทำหน้าที่เป็นเราเตอร์ได้

Range Extender
ทำหน้าที่ขยายสัญญาณที่ได้รับจากเราเตอร์ โดยมีลักษณะเป็นตัวทำซ้ำของอุปกรณ์ที่รับสัญญาณ เพื่อให้สัญญาณสามารถครอบคลุมระยะทางไกลมากยิ่งขึ้น
Range Extender  จะใช้งานในลักษณะเสียบปลั๊กแล้วกระจายสัญญาณ มีบางรุ่นเท่านั้นที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้

Camera

กล้องวงจรปิดเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีทั้งใช้งานแบบมีสายและไร้สาย ทำหน้าที่เป็นสอดส่องหรือบันทึกภาพเหตุการณ์เคลื่อนไหวเพื่อใช้รักษาความปลอดภัย

 

Printer

โดยปกติแล้ว Printer ที่ไม่มีพอร์ต LAN มา คุณจำเป็นต้องหาคอมพิวเตอร์ซักเครื่อง ทำการติดตั้งไดร์เวอร์ของ Printer เข้ากับคอมเครื่องนั้นถึงจะปริ้นได้ แต่หากเป็นปริ้นเตอร์ที่มี Port LAN ติดมาอยู่แล้วก็เพียงแค่เซ็ท IP Address , DNS Gateway ให้อยู่ในวงแลนดียวกันก็สามารถใช้งานร่วมกันได้

 

 

 

เลือกเราเตอร์ประสิทธิภาพสูงเพื่อการใช้งานร่วมกับสาย LAN ประเภทต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เลือกเราเตอร์ Wi-Fi จาก TP-Link ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายเราเตอร์โมเด็มแบบครบวงจร ที่พร้อมช่วยให้ทุกความต้องการในการใช้งานเราเตอร์ Wi-Fi ร่วมกับสาย LAN เพื่อการเชื่อมต่อเข้ากับ Home Automation, หุ่นยนต์ทำความสะอาด, หุ่นยนต์ดูดฝุ่น, กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ, อุปกรณ์สมาร์ทโฮม, ระบบรักษาความปลอดภัย, กล้องวงจรปิดไร้สาย, Security Camera, WiFi Camera, CCTV ราบรื่นไม่มีสะดุดอยู่เสมอ

thanaporn.nuchphadung

จาก United States?

Get products, events and services for your region.