PoE Switch กับ Access Point มีความสำคัญต่อกันอย่างไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทโฮมและระบบรักษาความปลอดภัย

Access Point มีประโยชน์อย่างไร
เพื่อให้อุปกรณ์ที่รองรับ WiFi เชื่อมต่อเข้ามาใช้งานเครือข่ายได้ โดย Access Point จะได้รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตมาจากอุปกรณ์ เราเตอร์/โมเด็ม แล้วกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังพื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ Access Point สำหรับกลุ่มองค์กร ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย รองรับการเชื่อมต่อ Clients ได้จำนวนมากไม่จำเป็นต้องกังวลแม้พื้นที่นั้นจะมีผู้ใช้งานที่หนาแน่น

Access Point กับ PoE Switch ทำงานเกี่ยวข้องกันอย่างไร
PoE Switch เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการจ่ายกระแสไฟฟ้าลงบนสายแลนและยังสามารถส่งสัญญาณข้อมูลไปบนสายแลนเส้นเดียวกันได้ ตอบโจทย์ในการช่วยลดความซับซ้อนยุ่งยากทั้งเรื่องของการติดตั้งและการดูแลรักษาอุปกรณ์ เช่นในกรณีที่คุณติดตั้งตัวกระจายสัญญาณ Access Point ในธุรกิจโรงแรมหรืออพาร์ทเมนต์ที่มีหลายชั้น หลายห้อง และต้องการติดตั้ง Access Point ในแต่ละชั้น คุณก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟหรือหาแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เพราะสามารถใช้ PoE Switch ในการจ่ายไฟให้กับ Access Point และใช้รับ-ส่งข้อมูลผ่านสายแลนเพียงเส้นเดียวสะดวกทั้งเรื่องการควบคุมและการดูแลรักษา และไม่จำเป็นต้องกังวลใจเมื่อติดตั้ง Access Point บนเพดาน อีกทั้ง PoE Switch ยังมีฟีเจอร์ที่คอยตรวจจับการทำงานของอุปกรณ์ให้ยังคงทำงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ

Access Point แตกต่างจาก Router (เราเตอร์) อย่างไร?

ทั้ง Access Point และ WiFi Router ต่างก็รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย WiFi และทำหน้าที่คล้ายกัน
เราเตอร์หรือโมเด็ม คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับและแปลงสัญญาณจากผู้ให้บริการผ่านพอร์ต WAN มาเพื่อใช้งาน เป็นตัวกลางในการบริหารเครื่องลูกข่ายที่มาเชื่อมต่อและส่งต่อข้อมูลไปยังไปยังอุปกรณ์ปลายทาง เช่น คอมพิวเตอร์ , โทรศัพท์ (พอร์ต LAN)

Access Point ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อสัญญาณ คือรับสัญญาณมาจากเราเตอร์หรือโมเด็ม แล้วจากนั้นจึงกระจายสัญญาณไปยังอุปกรณ์ปลายทางที่ต้องการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ
เรียกได้ว่า Access Point และ WiFi Router แตกต่างกันตรงที่ Access Point ไม่สามารถบริหารจัดการเครื่องลูกข่ายได้เอง เช่นการแจก IP ให้เครื่องลูกข่าย เพราะจะต้องรับ IP มาจาก DHCP Server บน Router อีกทีส่วน WiFi Router สามารถทำได้ครบและยังสามารถตั้งค่าให้เป็น Access Point ก็ได้

เพราะเหตุใดทำไมธุรกิจจึงควรจะมี Access Point

1. EAP Access point หรือ Access Point สำหรับองค์กรออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มาก สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้มากกว่า Access Point ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานสำหรับตามบ้านทั่วไป

2. มีความสามารถในการรับ-ส่งข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยี MU-MIMO

3. มาพร้อมฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยมากมาย

4. สะดวกต่อการจัดการและการติดตั้ง ไม่จำเป็นต้องมีช่างอยู่หน้าไซต์งานตลอดเวลา

5. ฟังก์ชั่นเพื่อสนับสนุนการโฆษณา อย่างเช่น Facebook Check-in เป็นต้น

สำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตระดับองค์กรแนะนำให้เชื่อมต่อ Access Point ไร้สายขององค์กรด้วย PoE Switch และติดตั้งController เพื่อมาช่วยในการบริหารจัดการอุปกรณ์ที่ใช้งานในเครือข่าย นอกจากนั้นก็ต้องมีการเชื่อมต่อกับเกตเวย์ (Gateway) ในการใช้งานเพื่อให้ครบองค์ประกอบในการขยายความครอบคลุมสัญญาณไร้สายให้เพิ่มมากขึ้นในระบบเครือข่าย

Access Point สำหรับกลุ่มองค์กรของ TP-Link จะขึ้นต้นด้วยคำว่า EAP โดยแบ่งเป็น 3 โหมดตามลักษณะการใช้งาน ดังนี้
ติดตั้งบนเพดาน Celling month : EAP660HD , EAP620HD, EAP610 , EAP265HD , EAP245 , EAP225 เป็นต้น
ติดตั้งตามผนัง Wall Plate : EAP615Wall , EAP235Wall , EAP225Wall และ EAP115Wall
ติดตั้งภายนอก Outdoor : EAP225Outdoor , EAP110Outdoor

EAP610 Access Point WiFi 6 มาพร้อมกับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Dual Band มาตรฐาน AX1800 (1201 Mbps on 5GHz +574 Mbps on 2.4GHz) ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจทั้งขนาดเล็ก-กลาง
                  เทคโนโลยี WiFi 6 หรือ 802.11ax มีอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่ดีขึ้น ตอบสนองความต้องการแบนด์วิธที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังลดการกวนกันของสัญญาณที่เกิดขึ้นระหว่าง APs คุณสามารถดูความสามารถของ WiFi 6 เพิ่มเติมได้ที่นี่

ข้อดีของการใช้ Access Point WiFi 6 EAP610 คือ
- ทำงานได้ดีเมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับ WiFi 6 เหมือนกัน
- MU-MIMO รองรับการส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์หลายตัวภายในเวลาเดียวกัน แต่ก่อนนั้นที่ยังเป็น SU-MIMO เมื่อมีอุปกรณ์หลายตัวเชื่อมต่อพร้อมกัน เราเตอร์จะทำหน้าที่เหมือนคนแจกคิวในการใช้งาน โดยจะแจกสลับกันไปตามจำนวนอุปกรณ์ในวงที่เชื่อมต่อเข้ามา ซึ่งขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผู้ใช้งานจะไม่รู้สึกว่ามีการรอคิวอยู่ แต่ถ้าหากมีอุปกรณ์เรียกเข้ามาพร้อมกันจำนวนมากก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาคอขวดในการรับส่งข้อมูลทันที ซึ่งสำหรับเทคโนโลยี MU-MIMO ก็จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวได้

- OFDMA ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับ-ส่งข้อมูลในระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- เทคโนโลยี Beamforming ช่วยให้ส่งสัญญาณได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดจุดอับของสัญญาณ และช่วยเพิ่มระยะทางในการส่ง

- ฟีเจอร์ Omada Mesh WiFi : ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การติดตั้งง่ายขึ้นหากเราไม่สะดวกในการเดินสายแลนแต่ต้องการตั้งติด Access Point ในจุดที่ต้องการเพราะการเชื่อมต่ออุปกรณ์จะทำการใช้สัญญาน WiFi ในการคุยกันระหว่างอุปกรณ์ ในการใช้งานก็จะไหลลื่นไร้รอยต่อ อย่างเช่นในสถานการณ์ที่มี AP ตัวใดตัวหนึ่งเสีย ระบบจะปรับหาเส้นทางที่ดีที่สุด ให้คุณใช้งานการเชื่อมต่อได้แบบไม่สะดุด

- Support 250+ client

นอกจากนี้การใช้ EAP Access Point สำหรับธุรกิจยังจะสามารถจัดการได้ผ่านศูนย์กลางโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมานั่งจัดการทีละตัว ด้วยการใช้งานร่วมกับ Omada Controller ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการใช้อุปกรณ์จำนวนมากและต้องการสัญญาณที่ครอบคลุม

จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ใช้ Access Point ร่วมกับ PoE Switch
คุณอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นและการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น เพราะคุณจำเป็นต้องเดินสายแลนไปที่อุปกรณ์อีกทั้งยังต้องเดินสายไฟไปด้วยเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ ในความเป็นจริงแล้วหากไม่มี PoE Switch ก็สามารถเสียบ Adapter เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ก็จะสามารถใช้งานได้เหมือนกัน แต่ก็จะมีข้อจำกัดในเรื่องของความปลอดภัย เพราะการเสียบ Adapter ตลอดทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลานาน เสี่ยงเกิดไฟดูดหรือไฟช็อตได้เช่นกัน  อีกทั้งยังมีผลเวลาไฟกระชากหรือไฟตก  ถ้าใช้ Switch PoE จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Auto Recovery ที่จะมีการตรวจจับและรีบูตอุปกรณ์ที่ตกหล่นหรือไม่ตอบสนองในการใช้งานของอุปกรณ์ PoE โดยอัตโนมัติ และ PoE Switch จะใช้กำลังไฟที่เหมาะสมต่อการใช้งานของ Access point นั้นๆ ไม่เกิดการจ่ายไฟที่เกินกำลังของแต่ละอุปกรณ์

เราจะเลือก PoE Switch ให้เหมาะสมกับ Access Point ได้อย่างไร
PoE Switch ควรจะใช้งานร่วมกับ Access Point ที่รองรับ PoE เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และจำเป็นที่จะต้องพิจารณาจำนวนอุปกรณ์เพื่อกำหนดจำนวนพอร์ตของ Switch PoE นอกจากนี้จะต้องพิจารณาอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อเพื่อเลือกความเร็วของ พอร์ต Switch ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เป็นต้น

ข้อพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกใช้ PoE Switch กับ Access point
1.สำรวจพื้นที่ที่จะใช้งาน โดยคุณต้องสำรวจจุดในการติดตั้งก่อนว่าต้องใช้ Access Point กี่ตัวเพื่อกระจายสัญญาณให้ครอบคลุม  จากนั้นจึงเลือกจำนวนพอร์ตของ Switch ให้จำนวนพอร์ตเพียงพอที่จะเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์

2.ความเร็วพอร์ตที่ต้องการ 10/100 Mbps, 10/100/1000 Mbps หรือ 10GE จะต้องพิจารณาอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อเพื่อเลือกความเร็วของพอร์ต Switch ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

3. PoE หรือ PoE+ เลือก PoE Switch โดยดูอุปกรณ์ปลายทางที่มาต่อด้วยว่ารองรับมาตรฐานใดของ PoE โดยถ้าเป็น PoE (802.3af) จะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 15.4W/Port ส่วน PoE+ (802.3at) จะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 30W/Port

4. Managed Functions ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าจำเป็นที่จะต้องใช้งาน VLAN หรือไม่ ต้องการ Security ในระบบมากน้อยแค่ไหน

5. PoE Budget คือกำลังไฟที่จ่ายออกมาได้สูงสุด เราต้องนำค่านี้มาคำนวนเทียบกับ กำลังไฟของอุปกรณ์ทั้งหมดที่จะใช้ PoE Switch จ่ายไฟไปให้ ตัวอย่างนำค่า Power Consumption คูณกับจำนวนอุปกรณ์ที่จะใช้

คุณสามารถตรวจสอบ ข้อพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับการเลือกใช้ PoE Switch ได้ที่นี่ หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อค้นหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการทางธุรกิจของคุณ

TP-Link ในฐานะสุดยอดผู้นำด้าน Access Point คุณภาพสูงแบบครบวงจร พร้อมพร้อมพาคุณไปร่วมสัมผัสกับประสบการณ์ในการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะ PoE Switch ร่วมกับ Access Point ที่มีประสิทธิภาพและรองรับกับทุกความต้องการในการเชื่อมต่อการใช้งานไปยังอุปกรณ์ในระบบรักษาความปลอดภัย อุปกรณ์สมาร์ทโฮม ตลอดจน wifi camera หุ่นยนต์ทำความสะอาด ชุดกล้องวงจรปิด home automation หุ่นยนต์ดูดฝุ่น กล้องวงจรปิดไร้สาย cctv เพื่อการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด

สนใจติดต่อ
คลิกเพื่อ ขอใบเสนอราคา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Line : @tplink หรือ คลิกที่นี่